Golf4Freedom -กอล์ฟเพื่ออิสรภาพเสรีภาพ
ชื่อโครงการ- Golf4Freedom –การแข่งขันกอล์ฟการกุศล เพื่ออิสรภาพและเสรีภาพนักโทษการเมืองเสื้อแดงผู้ยากไร้ ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ท่านนักกอล์ฟไม่มีสิทธิ์พลาด
จัดโดย- สำนักข่าวThai E-news ร่วมกับกลุ่มเพื่อนอานนท์ และ Red Cyber
วัน/เวลา- เสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2554 ออกรอบช็อตกันเวลา 12.30 น.
สนาม- สนามกอล์ฟDinasty อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม (ดูลิ้งค์แผนที่)http://www.travelfortoday.com/golfpic/dynastygolfandcountryclub/01_map.gif
ค่าธรรมเนียม- ค่ากรีนฟีและค่าแค็ดดี้ รวมอาหารเย็น ก๊วนVIP 15,000 บาท/ก๊วน ก๊วนทั่วไป 12,500 บาท/ก๊วน (ราคานี้นับว่าถูกมากๆหากเทียบกับการจัดกอล์ฟการกุศลทั่วไปที่จะขายก๊วนละขั้นต่ำ25,000-50,000บาท) ก๊วนละ 5 ท่าน(กรณีไม่มีก๊วน หรือไม่ครบก๊วน เพียงท่านละ 2,500 บาท ผู้จัดจะจัดหาให้ครบก๊วน ล้วนแต่พี่น้องเรา จะได้รู้จักผูกไมตรีกันไว้)
พิเศษ-ท่านที่ไม่ใช่นักกอล์ฟ แต่ประสงค์เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็นที่คลับเฮาส์ เพียงท่านละ 500 บาท ในงานพบปะกันเองและการปราศรัยจากพลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร พันเอกดร.อภิวันท์ วิริยะชัย ทนายอานนท์ นำภา โชว์เพลงขลุ่ยและกวีที่กลั่นจากใจ ฯลฯ พร้อมพริตตี้เสื้อแดงแท้ๆ
รางวัลเกียรติยศ-ทีมชนะเลิศไฟล์ท์ A รับโล่เกียรติยศจากนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ,ทีมชนะเลิศไฟล์ท์B รับโล่เกียรติยศจาก(กำลังประสานงานเพื่อสนับสนุนถ้วยรางวัล),ผู้ชนะเลิศเน็ตสกอร์ตีดีที่สุด รับโล่เกียรติยศจากรองประธานสภาผู้แทนราษฎร พันเอกดร.อภิวันท์ วิริยะชัย ,รางวัลถ้วยเลดี้ กำลังติดต่อขอรับรางวัลจากคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพิเศษรางวัลบู้บี้ รับโล่จากสำนักงานกฎหมายราษฎรประสงค์ พร้อมลุ้นรับของรางวัลจากผู้สนับสนุนมากมาย
วิธีสำรองการเข้าร่วมงาน หรือสอบถามการร่วมงาน-คุณปุ้ย-วัชราภรณ์ หวลธรรม ผู้ประสานงานโครงการ ติดต่อ: โทรศัพท์มือถือ 082-6301700 หรืออีเมล์ hwacharaporn@yahoo.com และ freeprisonproject@gmail.com
วิธีชำระเงิน-โอนผ่านชื่อบัญชี วัชราภรณ์ หวลธรรม ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเมืองทองธานีเซ็นเตอร์ 2 เลขที่บัญชี 402-293346-1 จากนั้นแจ้งการโอนมาที่อีเมล์หรือทางมือถือคุณปุ้ย
(เพื่อเป็นการสนับสนุนโครงการนี้ กรุณาชำระล่วงหน้า เพื่อจะได้มีเงินชำระค่าสนามและค่าทดรองใช้จ่ายล่วงหน้า)
เวบไซต์ของโครงการ-โปรดติดตามที่ http://www.golf4freedom.blogspot.com/
*********
Golf4Freedom -กอล์ฟเพื่ออิสรภาพเสรีภาพ
สำนักข่าวไทยอีนิวส์ (http://thaienews.blogspot.com/index.html) ร่วมกับ"กลุ่มเพื่อนอานนท์" และRed cyber ได้ร่วมประชุมกับทนายอานนท์ นำภา และสำนักงานกฎหมายราษฎรประสงค์ ทีมทนายความช่วยเหลือทำคดีช่วยนักโทษการเมืองเสื้อแดงผู้ยากไร้ และนักโทษคดีทางความคิด และได้มีมติให้จัดกอล์ฟการกุศลขึ้นในวันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์นี้
เพื่อระดมทุนช่วยสำนักงานกฎหมายราษฎรประสงค์ ไปดำเนินการช่วยว่าความคดีนักโทษเสื้อแดงที่ยากไร้จากการสลายการชุมนุม 19 พฤษภาคม และนักโทษคดีทางความคิด ตามมาตรา 112 ซึ่งเป็นผลพวงจากการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย รวมทั้งเยียวยาญาติที่อยู่ในอุปการะนักโทษการเมืองเหล่านี้ ระหว่างที่ยังต้องโทษโดยไม่รู้ชะตากรรมว่าจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อใด
ทั้งนี้กลุ่มเพื่อนอานนท์ได้ขอเชิญชวนท่านนักกอล์ฟ ผู้รักความเป็นธรรม รักประชาธิปไตยทั้งมวลได้โปรดให้การสนับสนุนเข้าร่วมกิจกรรมแข่งขันกอล์ฟการกุศลในครั้งนี้ เพราะนอกจากท่านจะได้รับความเพลิดเพลิน ได้ออกกำลังกายตามปกติแล้ว ท่านยังจะได้มีส่วนช่วยทีมงานทนายความอาสาให้มีเงินทุนทำงานเพื่อช่วยเหลือนักโทษทางการเมือง และเป็นการตอกย้ำคำว่า"เราไม่ทอดทิ้งกัน"ให้เป็นจริงในทางปฏิบัติ
ส่วนท่านที่ไม่ใช่นักกอล์ฟ ทางคณะผู้จัดงานได้จัดกิจกรรมรองรับท่านไว้ให้ได้เข้าร่วมงานด้วยความอบอุ่น โดยช่วงเย็นหลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันกอล์ฟแล้ว ท่านสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเลี้ยงสังสรรค์ ชิงของรางวัลจากคนที่ท่านรักศรัมธา และฟังการเปิดใจของทนายอานนท์ นำภา ซึ่งกวีศรีประชา วิสา คัญทัพ ได้ยกย่องให้เป็น"สาย สีมา"วีรบุรุษประชาชนในตำนาน ผู้กลับมาในยุคพฤษภาเลือดราชประสงค์ และฟังปากคำความจริงจากญาติๆของนักโทษการเมืองที่ท่านจะได้มีส่วนประทับใจในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของคนเสื้อแดงที่จะร่วมผนึกมือปลดปล่อยเหยื่ออยุติธรรมให้ได้รับเสรีภาพ
กิจกรรมกอล์ฟการกุศลเพื่อเสรีภาพนักโทษการเมืองเสื้อแดงผู้ยากไร้ จะเป็นกิจกรรมที่กลุ่มเพื่อนอานนท์และคณะผู้จัดงานปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้เป็นกิจกรรมที่ท่านจะบอกกับตัวเองว่า นี่เป็นกิจกรรมที่"ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ท่านไม่มีสิทธิ์จะพลาด"...
เตรียมพร้อม มาร่วมกัน สานฝันของเราปลดปล่อยเหยื่ออยุติธรรม ปลดปล่อยประเทศชาติสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง
******
สำนักกฎหมาย “ราษฎรประสงค์”และโครงการช่วยเหลือคดีนักโทษการเมืองเสื้อแดง
หลักการและเหตุผล
ในภาวะที่สถานการณ์ทางการเมืองที่แหลมคม สังคมไทยยังไม่ได้เรียนรู้หรือตระหนักแม้แต่น้อยว่า ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ซึ่งแทบทุกครั้งเกิดจากการกระทำของ “รัฐ” คนที่ได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ ก็คือคนยากคนจน คนเล็กคนน้อย ซึ่งเขาเหล่านั้นเป็นเพียงมวลชนที่ไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ นอกเสียไปจาก “การต้องการประชาธิปไตย และความเสมอภาคทางสังคม”
สำนักกฎหมายนี้จึงถูกก่อตั้งขึ้นบนพื้นฐานที่จะทำงานกับชาวบ้านผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง ทั้งที่ตกเป็นจำเลย ครอบครัวของจำเลย และผู้ได้ได้รับความเสียหายจากการกระทำของรัฐ กล่าวโดยเฉพาะคือ ภายหลังจากที่ทีมทนายความอาสาลงพื้นที่ไปทำงานกับชาวบ้าน เราพบว่าปัญหาสำคัญที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่ควรคาดหมายได้คือ การไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ และเหตุผลเดียวที่ทำให้เป็นเช่นนั้นคือ เขาเหล่านั้นเป็นเพียงคนเล็กคนน้อย สิ่งที่ตามมาคือ จำเลยไม่ได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมายและครอบครัวของจำเลยล่มสลายในที่สุด
เราหลับตาลงจินตนาการถึงสังคมที่งดงาม สังคมแห่งความเสมอภาค สังคมที่มีความเป็นพี่เป็นน้อง แต่เราเองก็มิได้ลงมือหรือมีส่วนร่วมในการทำให้เป็นจริงเสียที สำนักกฎหมาย “ราษฎรประสงค์” จึงอาสาเข้ามาทำหน้าที่นี้ นอกจากงานคดีความแล้ว สำนักกฎหมาย “ราษฎรประสงค์” ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อเยียวยา และตีแผ่ความจริงที่อยู่เบื้องหลังลูกกรงสู่สาธารณะ โดยผ่านทางการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย และยกระดับเป็นองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนโดยทั่วไปที่ไม่สามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้
วัตถุประสงค์และเป้าหมาย
๑.ให้ความช่วยเหลือทางกกฎหมายแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง โดยเน้นที่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของรัฐในเหตุการณ์เมษายน-พฤษภาคม ๒๕๕๓ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมโดยทั่วไป
๒.เป็นศูนย์ประสานงานการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของรัฐในเหตุการณ์เมษายน-พฤษภาคม ๒๕๕๓
๓.เป็นศูนย์เผยแพร่ข้อมูลทางคดีของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของรัฐในเหตุการณ์เมษายน-พฤษภาคม ๒๕๕๓ และติดตามรวมทั้งเยียวยาจำเลย ครอบครัวของจำเลยที่ต้องขังในคีการเมือง
๔.ให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีส่วนร่วมของประชาชนในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
บุคลากร
สำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ มีทนายความประจำ ๓ คน ดังนี้
๑. นายอานนท์ นำภา หัวหน้าสำนักกฎหมาย
การศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต เนติบัณทิตไทย
๒. นายอานนท์ งามสนิท ทนายความประจำ
การศึกษานิติศาสตร์บัณทิต เนติบัณทิตไทย
๓. นายยุทธการ โสภัณนา ทนายความประจำ และเลขานุการ
การศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต และกำลังศึกษาในชั้นเนติบัณฑิต
ทั้งนี้ สำนักกฎหมายยังใช้ระบบอาสาสมัครนักกฎหมาย(รุ่นใหม่)ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย และประสานความช่วยเหลือกับนักกฎหมายทนายความอาสา และผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
หมายเหตุ : ภาพการลงพื้นที่ และการปฏิบัติงานของทนายความ
ภาพการพาญาติมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม
ภาพการร่วมกิจกรรมทางวิชาการ
http://www.facebook.com/profile.php?id=100000942179021&sk=photos#!/photo.php?fbid=185525798137825&set=t.100000942179021&pid=592089&id=100000412189735
ภาพถ่ายหลังปฏิบัติงาน
จำนวนคดีที่ให้ความช่วยเหลือและพื้นที่ที่รับผิดชอบ
คดีหลัก
๑. คดีเผาศาลากลาง จ.มุกดาหาร ( ในนามของ ศปช.) จำเลยจำนวนทั้งสิ้น ๒๘ คน ซึ่งทนายความต้องรับผิดชอบในการทำคดี เรื่องการเยียวยาครอบครัว เรื่องสภาพความเป็นอยู่ของจำเลย รวมทั้งการร้องขอความเป็นธรรมตามหน่วยงานต่างๆ ปรากฏตามภาพประกอบข้างต้น
๒. คดีคดีเผายางรถยนต์ที่ จ.เชียงราย( ในนามของ ศปช.) (คดีสืบพยานในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ )
โดยมีจำเลย ๒ คน
๓. คดีก่อการร้าย (ในนาม ศรส.) ซึ่งเป็นทนายความจำเลยที่ ๑๙ โดยคดีจะมีการ สืบพยานทั้งปี ๒๕๕๔-๒๕๕๕
๔. คดีของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ (หนูหริ่ง) (ในนาม ศรส.) มี ๒ คดี คือ คดีพื้นที่ สน.วังทองหลาง ๑ คดี และ สน.ดินแดง ๑ คดี
๕. คดีก่อการร้าย ซึ่งจำเลยเป็นคนกัมพูชา ๑ คดี คดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว
๖. คดีนายกฤษณะ ธัญเจริญพงศ์ กับพวก (ขัด พรก.) ให้ความช่วยเหลือด้านการประกันตัว และร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ
๗. คดี นายเลื่อน จ. สกลนคร ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน
๘. คดีนายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล ( นปช.ยูเอสเอ.) หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
๙. นายสุริยัน กกเปือย ( ถูกกล่าวหาว่าโทรศัพท์ไปขู่วางระเบิดศิริราช ที่ ๑๙๑ )หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
๑๐. คดีอากง ( ถูกกล่าวหาว่า ส่ง เอสเอ็มเอส ไปที่โทรศัพท์เลขานุการนายก อันมีข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ) ในนามเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
๑๑. คดีนายคธา (ถูกกล่าวหาว่าโพสข้อความเกี่ยวกับพระอาการประชวน จนทำให้หุ้นตก) คดีอยู่ในชั้นอัยการ
๑๒. อื่นๆ เช่น การตามเคสต่างเพื่อให้ความช่วยเหลือทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
รวมทั้งการลงพื้นที่เยียวยาครอบครัวผู้ต้องขังในต่างจังหวัดในคดีที่มีทนายความ อยู่แล้ว โดยให้คำปรึกษาและให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชน
๑๓ .เป็นกองเลขานุการ การตั้งเรื่องฟ้องกลับเจาหน้าที่รัฐในเหตุการณ์ ๑๐ เมษายน และ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ในนามของ ศปช.
นอกจากการทำคดีแล้ว ยังให้คำปรึกษาทางกฎหมายในการเคลื่อนไหวทางการเมืองของเสื้อแดงโดยทั่วไป และร่วมรรรงค์ให้มีการปล่อยนักโทษทางการเมืองอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการจับกุมของภาครัฐยังดำเนินการไปเพียง ๒๐ เปอร์เซ็น ดังนั้นจึงคาดการได้ว่าจะมีคดีเข้ามาในสำยนักกฎหมายอีกจำนวนมากในเวลาอันใกล้นี้
งบประมาณ
จากการระดมทุนและเงินบริจาคจำนวนประมาณ ๑ ล้านบาทต่อปี โดยแบ่งเป็น
๑. ค่าใช้จ่ายประจำเดือน
- เงินเดือนประจำของทนายความประจำ จำนวน ๓ คน รวม ๓๙,๐๐๐ บาท
- ค่าบริหารจัดการสำนักงานประมาณ ๑๐,๐๐๐ บาท
- ค่าเดินทาง และค่าตอบแทนนักกฎหมายอาสา ประมาณ ๑๐,๐๐๐ บาท
รวมค่าใช้จ่ายประจำสำนักงานประมาณ ๕๙,๐๐๐ บาท/เดือน
๒. ค่าใช้จ่ายการลงพื้นที่ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เกี่ยวกับการลงพื้นที่
( ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่จะทำงานกับชาวบ้าน)
จำนวนประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ บาท/ปี
หมายเหตุ : ในส่วนของงบประมาณ เดิมทนายความอาสาสมัครจะได้รับเป็นเบี้ยเลี้ยงเฉพาะวันที่ลงพื้นที่เท่านั้น คือ วันละ 500 บาท และวันที่ไม่ได้ลงพื้นที่ก็จะไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยงค่าตอบแทน ปัจจุบันคดีเดิมที่ทนายความได้ทำร่วมกับศูนย์ต่าง เช่น ศปช. หรือ ศรส. ก็ยังได้รับค่าตอบแทนในอัตราเดิม ซึ่งการทำงานแบบนั้นย่อมทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ เนื่องทนายความก็ยังต้องหารายได้จากทางอื่น หรือคดีธุรกิจอื่น ทำให้คดีชาวบ้านเสื้อแดงไม่ต่อเนื่องและไม่อาจทำได้อย่างเต็มที่
ระยะเวลาในการดำเนินงาน
๑ ปี (มกราคม – ธันวาคม ๒๕๕๔) และประเมินผลเพื่อการพัฒนาศักยภาพเพื่อนำไปสู่การเป็นสถาบันการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนที่มีความมั่นคงในอนาคต
พื้นที่การปฏิบัติงาน
ทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุม เช่น กรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่นๆที่มีนักโทษทางการเมือง
ภาพวันเปิดสำนักงาน
ความมุ่งมั่น
อยากให้เป็นจุดเล็กๆที่สามารถทำงานเพื่อชาวบ้านอย่างแท้จริง เราตระหนักเสมอว่า งานที่ทำเป็นหน้าที่ และเป็นส่วนหนึ่งของขบวนประชาธิปไตย จากเหตุการณ์เดือนเมษายน-พฤษภาคม ๒๕๕๓ งานทางกฎหมายเป็นสิ่งที่สำคัญตราบเท่าที่ความขัดแย้งทางการเมืองยังมีอยู่ และชาวบ้านยังคงตกเป็นผู้รับผลกระทบอย่างหลีดเลี่ยงไม่ได้
คดีความของคดีการเมืองย่อมเป็นที่สนใจแต่เฉพาะคดีของแกนนำ หรือผู้ที่เป็นที่รู้จักเท่านั้น ส่วนชาวบ้านคนเล็กคนน้อยต้องคอยเศษความช่วยเหลือ และรอการเงียบหายไปในสังคมเท่านั้น ทั้งที่เขาเหล่านั้นเป็นคนที่พร้อมยอมตาย และเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย
จากการทำงานกับชาวบ้านภายหลังเหตุการณ์สลายการชุมนุม เราพบว่า การจัดการการให้ความช่วยเหลือยังมีปัญหา และอุปสรรคอยู่มาก ทั้งในเรื่องบุคลากรของนักกฎหมายทนายความ และจำนวนคดีที่ต้องให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งความเป็นสองมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมไทยอันเป็นกำแพงที่ขบวนการประชาชนต้องทำลายลงให้ได้
สิ่งที่ต้องยอมรับอย่างเปิดเผยก็คือ สำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ มีคนทำงานที่เป็นคนรุ่นใหม่จริงๆ คือ เป็นนักกฎหมายที่มีอายุเพียง ๒๕-๒๖ ปี แน่นอนว่าเราถูกดูแคลนเรื่องความสามารถตามวัยวุฒิอยู่มาก แต่ด้วยความที่เป็นคนรุ่นใหม่นี่แหละที่ทำให้เราพิสูจน์ว่า เรามีความมุ่งมั่นและตั้งใจเต็มเปี่ยมที่จะทำงาน ความห้าวของคนรุ่นใหม่เป็นเหมือนใบเบิกทางให้การลงพื้นที่ไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ การเข้าถึงชาวบ้านและการทุ่มเททำให้จากเดิมที่เป็นเพียงทนายความอาสา ขอยื่นใบสมัครเข้ามาทำหน้าที่อันใหญ่หลวงของขบวนประชาธิปไตย
ด้วยการเล็งเห็นว่า การทำงานแบบอาสาสมัครไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ และคนทำงานก็จะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในสังคม สำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ จงได้จัดตั้งขึ้นโดยหวังจะตอบคำถามของทั้งเนื้องานและคนทำงาน และเราได้พิสูจน์การทำงานมาในระดับหนึ่ง จนมีพี่ๆ นักกิจกรรม และนักเคลื่อนไหวทางสังคมเห็นความสำคัญและร่วมกันจัดตั้งขึ้น โดยหวังว่า เราจะได้รับการสนับสนุน และให้เป็นสำนักกฎหมายที่ “ราษฎรประสงค์” อย่างแท้จริง
รายละเอียดปรากฏตาม บทสัมภาษณ์ทนายอานนท์ นำภา ใน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น